นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ประจำเดือนตุลาคม 2561 ว่า

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ เดือนกันยายน ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ช่วงต้นเดือนมีทิศทางปรับตัวลดลงจากความกังวลนโยบายการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐ โดยดัชนีฯลดลงต่ำสุดที่ 1672 จุด และปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนภายหลังร่างพรบ.เกี่ยวกับการได้มาของสส.และสว. ประกาศในราชกิจจานุเบกษา และการผ่อนคลายเกณฑ์ในการทำกิจกรรมพรรคการเมือง ซึ่งส่งผลต่อความเชื่อมั่นของวันเลือกตั้งในช่วงต้นปีหน้า  โดยดัชนีฯช่วงปลายเดือนเพิ่มขึ้นมาเคลื่อนไหวบริเวณ 1750 จุด จากแรงซื้อสุทธิของนักลงทุนสถาบันในประเทศ

ผลสำรวจชี้ว่าทิศทางการลงทุน ในอีก 3 เดือนข้างหน้า ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นนักลงทุนมาจากสถานการณ์ทางการเมือง และความเชื่อมั่นการเติบโตเศรษฐกิจของไทย ตัวเลขการส่งออกที่ขยายตัวต่อเนื่อง และความเชื่อมั่นในภาคการท่องเที่ยวแม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากนักท่องเที่ยวจีนลดลงก็ตาม และแนวโน้มราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการที่ OPEC ไม่ส่งสัญญาณเพิ่มกำลังการผลิตและมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านที่จะถูกบังคับใช้ในวันที่ 4 พ.ย.นี้ขณะที่นโยบายการขึ้นภาษีของสหรัฐที่ล่าสุดประกาศเพิ่มภาษีนำเข้าจากจีนเพิ่มเติมอีก 2 แสนล้านดอลลาร์ รวมถึงการประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐ 0.25% เป็นรอบที่ 3 ในปีนี้และแนวโน้มปรับขึ้นอีกครั้งในช่วงเดือนธันวาคม การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในหลายประเทศและผลกระทบต่อเงินทุนไหลเข้าออกระหว่างประเทศ รวมถึงค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยเฉพาะ Emerging Market เป็นปัจจัยความเสี่ยงที่นักลงทุนติดตาม นอกจากนี้ ประเด็นหลักที่ต้องพิจารณาคือ ทิศทางนโยบายทางการเงินของธนาคารยุโรปภายหลังลดปริมาณ QE 1.5 หมื่นล้านยูโรในเดือน ต.ค.-ธ.ค. จากปัจจุบันที่เข้าซื้อ 3 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน และคาดว่ามาตรการ QE จะยุติในสิ้นปีนี้ แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยในช่วงสิ้นปี รวมถึงภาวะเศรษฐกิจจีนและยุโรปจากผลกระทบของสงครามทางการค้า