สภาธุรกิจตลาดทุนไทยร่วมกับกระทรวงการคลัง และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จัดโครงการตลาดทุนพบภาครัฐ ครั้งที่ 1/2563 ให้แก่นักวิเคราะห์และนักลงทุนสถาบัน เข้าร่วมงานกว่า 50 รายจากบริษัทหลักทรัพย์และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม 36 บริษัท เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ 2563 ณ ห้องประชุมเสรี จินตนเสรี ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

โครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ภาคตลาดทุนรับทราบทิศทางการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจการเงินการคลัง เพื่อนำไปประกอบการวิเคราะห์โอกาสของการลงทุนในตลาดทุนไทย โดยในการประชุมครั้งนี้ได้รับเกียรติจากดร.อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และคุณลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ร่วมนำเสนอข้อมูลภาพรวมทางเศรษฐกิจและนโยบายเศรษฐกิจการเงินการคลัง โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ชี้แจงว่าแม้เศรษฐกิจไทยจะได้รับผลกระทบจากภาคการท่องเที่ยวและการส่งออกที่ชะลอลง อันเป็นผลจากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 แต่ผลกระทบดังกล่าวอาจจะเกิดขึ้นเพียงช่วงระยะเวลาหนึ่ง ในขณะที่ภาพรวมโครงสร้างเศรษฐกิจมหภาค การคลังและการเงินของประเทศไทยยังคงแข็งแกร่ง หนี้สาธารณะ และเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งเป็นโอกาสให้รัฐบาลสามารถออกมาตรการได้อีกมาก เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบให้กับประชาชนและภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้อง และเมื่อปัญหาต่าง ๆ คลี่คลาย และเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว เศรษฐกิจไทยจะหันกลับมาเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งอย่างรวดเร็ว ซึ่งที่ผ่านมาได้มีมาตรการในการส่งเสริมการอุปโภคบริโภค และการลงทุน ทำให้เศรษฐกิจเดินหน้าได้อย่างต่อเนื่อง และดูแลประชาชนในทุกกลุ่ม เช่น ชุดมาตรการเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลจากภัยแล้ง มาตรการชิมช็อปใช้ ที่กระตุ้นการท่องเที่ยว และการบริโภคภายในประเทศเพื่อชดเชยผลกระทบจากสงครามการค้า การลดภาระทางการเงินและเสริมสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs รวมถึงเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบมาตรการเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อภาคธุรกิจท่องเที่ยว

สำหรับการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาทซึ่งอยู่ระหว่างกระบวนการที่จะให้มีผลบังคับใช้ตามกฎหมาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ชี้แจงว่ารัฐบาลได้เตรียมการล่วงหน้าเพื่อให้การเบิกจ่ายงบประมาณเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้มีเม็ดเงินอัดฉีดลงสู่ระบบเศรษฐกิจโดยเร็ว โดยเฉพาะการเบิกจ่ายงบลงทุนวงเงิน 6.4 แสนล้านบาทนั้น ได้เตรียมความพร้อมที่จะเบิกจ่ายได้ทันที 3.5 แสนล้านบาท และอีกประมาณ 9.6 หมื่นล้านบาทพร้อมที่จะลงนามในสัญญา ส่วนที่เหลืออีก 2.4 แสนล้านบาทอยู่ระหว่างการเตรียมการ นอกจากนี้ ในส่วนของงบประมาณที่เป็นรายจ่ายประจำ รัฐบาลได้มีนโยบายให้เร่งเบิกจ่าย อาทิ เร่งการจัดอบรมสัมมนาในต่างจังหวัด ซึ่งจะกระตุ้นการใช้จ่ายในภาคการท่องเที่ยวได้อีกทางหนึ่ง และงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับภัยแล้งที่พร้อมจะเบิกจ่ายเพื่อจะช่วยเหลือเกษตรกร นอกจากนี้ ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 ในช่วงที่งบประมาณรัฐบาล 2563 ยังไม่มีผลบังคับใช้ งบลงทุนของรัฐวิสาหกิจได้มีบทบาทสำคัญในการผลักดันเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจถึง 9.1 หมื่นล้าน

คุณไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทยกล่าวว่า เชื่อว่าภายหลังการรับฟังแลกเปลี่ยนข้อมูลจากภาครัฐโดยตรงดังกล่าว จะทำให้นักวิเคราะห์และนักลงทุนสถาบันเริ่มมีความมั่นใจมากขึ้นถึงแนวทางในการแก้ไขปัญหาผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจในช่วงนี้ ซึ่งหลายประเด็นได้มีการชี้แจงถึงนโยบายและมาตรการรองรับผลกระทบโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ปัญหาการเบิกจ่ายงบประมาณที่จะเร่งรัดการใช้จ่ายให้ทันปีงบประมาณและการกำหนดมาตรการรองรับปัญหาภัยแล้ง ทั้งนี้ การจัดโครงการตลาดทุนพบภาครัฐดังกล่าวเพื่อเป็นเวทีที่ภาครัฐหรือบุคลากรภาครัฐสามารถนำเสนอนโยบายที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจในปี 2563 ต่อนักวิเคราะห์และนักลงทุนสถาบันได้โดยตรง เพื่อให้ภาคตลาดทุนรับทราบมุมมองและแลกเปลี่ยนถึงโอกาสทางเศรษฐกิจและการลงทุนในตลาดทุนไทย