“ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนปรับตัวสู่เกณฑ์ร้อนแรง

นักลงทุนคาดหวังแผนการฉีดวัคซีนเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ Covid-19 และฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ

 ขณะที่กังวลกับสถานการณ์ระบาดของ Covid-19 และสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ”

—————————————————————————————————————————-

                                                                       FETCO Press Release: วันจันทร์ที่ 6 กันยายน 2564

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ผลสำรวจในเดือนสิงหาคม 2564 พบว่า “ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index: ICI) ในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 144.37 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 124.3% จากเกณฑ์ซบเซาเดือนก่อนมาอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” นักลงทุนคาดหวังแผนการฉีดวัคซีนเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ Covid-19 เป็นปัจจัยหนุนมากที่สุด รองลงมาคือการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศและเงินทุนไหลเข้า สำหรับปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ สถานการณ์ระบาดของ Covid-19 ระลอกปัจจุบัน รองลงมาคือสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ และความขัดแย้งระหว่างประเทศ

ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) สำรวจในเดือนสิงหาคม 2564 ได้ผลสำรวจโดยสรุป ดังนี้

  • ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (พฤศจิกายน 2564) อยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” (ช่วงค่าดัชนี 120-159) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 124.3% จากเดือนก่อนมาอยู่ที่ระดับ 37
  • ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนบุคคลและกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับ “ร้อนแรง” ส่วนนักลงทุนกลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์และกลุ่มนักลงทุนต่างประทศปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับ “ร้อนแรงอย่างมาก”
  • หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด หมวดธนาคาร (BANK)
  • หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดแฟชั่น (FASHION)
  • ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ แผนการฉีดวัคซีนเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ Covid-19
  • ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ สถานการณ์ระบาดของ Covid-19 ระลอกปัจจุบัน

“ผลสำรวจ ณ เดือนสิงหาคม 2564 รายกลุ่มนักลงทุน พบว่าความเชื่อมั่นนักลงทุนบุคคลปรับเพิ่ม 95% อยู่ที่ระดับ 127.96 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับเพิ่ม233% อยู่ที่ระดับ 166.67 กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับเพิ่ม 130% อยู่ที่ระดับ133.33 และกลุ่มนักลงทุนต่างชาติปรับเพิ่ม 140% อยู่ระดับ 160.00

ในช่วงแรกของเดือนสิงหาคม 2564 SET Index ปรับตัวลงมากกว่าตลาดอื่นในภูมิภาคและในโลก จากจำนวนผู้ติดเชื้อ Covid-19 สายพันธ์เดลต้าในประเทศที่เพิ่มขึ้นสูงกว่า 20,000 คนต่อวัน และจำนวนผู้เสียชีวิตกว่า 200 คนต่อวัน ในขณะที่การกระจายวัคซีนยังล่าช้าและไม่ทั่วถึง รวมถึงผลจากมาตรการ Lockdown ที่เข้มงวดมากขึ้นซึ่งกระทบต่อการบริโภคภาคเอกชนในประเทศ และความไม่สงบทางการเมืองในประเทศส่งผลให้ SET index แกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบระหว่าง 1,521.72-1,553.18 อย่างไรก็ตามในช่วงปลายเดือนสิงหาคม SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุ 1,600 จุดได้เป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน จากการที่ได้รับข่าวดีซึ่งช่วยหนุนตลาด อาทิ ธนาคารแห่งประเทศไทยออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 ความชัดเจนจากภาครัฐในการผ่อนคลาย Lockdown และการที่ FED ประกาศว่าอาจจะเริ่มลดอัตราการเข้าซื้อสินทรัพย์ (QE Taper) ในปีนี้ แต่จะยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ย ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดทุนไทยเป็นเดือนแรกในรอบปี 2021 โดย SET index ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2564 ปิดที่ 1,638.75 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.68% จากเดือนก่อนหน้า

ในส่วนของปัจจัยต่างประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ การประชุม FED รอบเดือนกันยายน ซึ่งหากFED มีการส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย อาจเป็นแรงกดดันต่อตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงผลการประชุมธนาคารกลางหลัก อาทิ ECB, BOJ และ BOE ที่คาดว่าจะคงนโยบายดอกเบี้ยตามเดิม สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในอัฟกานิสถานที่อาจบานปลาย ในขณะที่ปัจจัยในประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ สถานการณ์ Covid-19 ภายหลังการผ่อนคลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจซึ่งต้องเฝ้าระวังความเสี่ยงของสถานการณ์แพร่ระบาดที่อาจกลับมารุนแรงขึ้นอีกหลังคลาย Lockdown แผนการนำเข้าวัคซีนทางเลือกโดยเฉพาะวัคซีน mRNA ที่มีแนวโน้มจะนำเข้ามาได้เร็วขึ้น ผลการประชุมกรรมการนโยบายการเงินว่าจะยังคงนโยบายดอกเบี้ยตามเดิมหรือไม่ การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี การพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณฯ ประจำปี 2565 และการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งอาจเพิ่มความร้อนแรงของความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศ