“ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนอยู่ในโซนซบเซา
นักลงทุนคาดหวังการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ และนโยบายภาครัฐ
ขณะที่นักลงทุนกังวลกับสถานการณ์การเมืองในประเทศและการถดถอยของเศรษฐกิจไทย”
—————————————————————————————————————————-
FETCO Press Release: วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน 2563
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ผลสำรวจในเดือนตุลาคม 2563 พบว่า “ในอีก 3 เดือนข้างหน้าดัชนีอยู่ที่ระดับ 61.27 ปรับตัวลดลง 9% จากเดือนก่อนหน้า และยังคงอยู่ในเกณฑ์ “ซบเซา” ต่อเนื่องเป็นเดือนที่สาม นักลงทุนคาดหวังการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศเป็นปัจจัยหนุนมากที่สุด รองลงมาคือนโยบายภาครัฐและการไหลเข้าออกของเงินทุน สำหรับปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ รองลงมาคือการถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ และการท่องเที่ยวในประเทศ รวมถึงความกังวลต่อการระบาดระลอกสองของ Covid-19”
ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) สำรวจในเดือนตุลาคม 2563 ได้ผลสำรวจโดยสรุป ดังนี้
- ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (มกราคม 2564) อยู่ในเกณฑ์ “ซบเซา” (ช่วงค่าดัชนี 40 – 79) ต่อเนื่องเป็นเดือนที่สาม อยู่ที่ระดับ 27
- ความเชื่อมั่นนักลงทุนทุกกลุ่มปรับตัวลดลงอยู่ในระดับ “ซบเซา”
- หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือหมวดอาหารและเครื่องดื่ม (FOOD)
- หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือหมวดธนาคาร (BANK)
- ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ การเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ
- ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ สถานการณ์การเมืองในประเทศ
“ผลสำรวจ ณ เดือนตุลาคม 2563 รายกลุ่มนักลงทุน พบว่า ความเชื่อมั่นนักลงทุนทุกกลุ่มปรับตัวลงมาอยู่ในเกณฑ์ “ซบเซา” โดยกลุ่มนักลงทุนบุคคลปรับตัวลง 2.2% อยู่ที่ระดับ 78.57 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับตัวลดลง 37.5% อยู่ที่ ระดับ 62.50 กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับตัวลดลง 8.7%อยู่ที่ระดับ 62.50 และกลุ่มนักลงทุนต่างชาติปรับตัวลดลง 6.7% อยู่ที่ระดับ 40.00
ช่วงครึ่งเดือนแรกของเดือนตุลาคม 2563 SET index ปรับตัวอยู่ในกรอบแคบระหว่าง 1,247.59—1.263.99 จุด และปรับตัวลงในช่วงครึ่งเดือนหลังในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นส่วนใหญ่ทั่วโลก เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังจากความไม่คืบหน้าของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ของสหรัฐ และจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศหลักๆ ในยุโรปและอเมริกากลับมาเพิ่มสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ในส่วนของประเทศไทยยังโดนแรงกดดันจากความร้อนแรงของสถานการณ์การเมืองในประเทศ มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร โดย ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2563 SET Index ปิดที่ 1,194.95 จุด ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อน 3.40% อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ภาครัฐระดมออกมาอย่างต่อเนื่อง และการขยายระยะเวลาโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ซึ่งคาดว่าจะช่วยกระตุ้นให้ประชาชนจับจ่ายใช้สอยในไตรมาสสุดท้ายของปี 2563
นักลงทุนคาดหวังการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศเป็นปัจจัยหนุนมากที่สุด รองลงมาคือนโยบายภาครัฐและการไหลเข้าออกของเงินทุน สำหรับปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ รองลงมาคือการถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ และการท่องเที่ยวในประเทศ รวมถึงความกังวลต่อการระบาดระลอกสองของ Covid-19
ปัจจัยต่างประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ ทิศทางเศรษฐกิจหลังผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ การเจรจาการค้าระหว่าง UK และ EU เพื่อหาข้อตกลงก่อนที่จะจบ Transition period ในปลายปีนี้ ในส่วนของปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตามได้แก่ ความยืดเยื้อของการชุมนุมทางการเมือง และการประกาศผลประกอบการไตรมาสสามของบริษัทจดทะเบียน”