นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ประจำเดือนธันวาคม 2561 ว่า

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ เดือนพฤศจิกายน มีทิศทางปรับตัวลดลงในช่วงครึ่งหลังของเดือน มาอยู่ในระดับใกล้เคียง 1600 จุด ก่อนปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงสัปดาห์สุดท้ายมาอยู่ที่ระดับ 1630 จุด จากผลกระทบจากสงครามทางการค้าที่เริ่มส่งผลต่อการส่งออกและตัวเลขเศรษฐกิจของจีนและญี่ปุ่น รวมถึงตัวเลขการส่งออกที่ลดลง 0.1% YoYและ GDP ไตรมาส 3 ของไทยลดลงมาอยู่ที่ 3.3% YoY ขณะที่นักลงทุนต่างประเทศมีการขายสุทธิลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อน

ผลสำรวจชี้ว่าทิศทางการลงทุน ในอีก 3 เดือนข้างหน้า นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อสถานการณ์ทางการเมืองที่คาดว่าจะจัดการเลือกตั้งในช่วงต้นปีหน้า และเชื่อมั่นพื้นฐานเศรษฐกิจไทยที่แข็งแกร่ง โดยดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยและค่าเงินบาทมีการปรับตัวอย่างมีเสถียรภาพเมื่อเทียบกับประเทศในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) อย่างไรก็ตามการทยอยปรับขึ้นนโยบายทางการเงินของสหรัฐอย่างต่อเนื่องและการดำเนินนโยบายทางการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นของธนาคารกลางทั่วโลกส่งผลให้ Bond yield ปรับเพิ่มขึ้น และความกังวลต่อสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน คาดว่าจะส่งผลให้การเติบโตเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง เป็นปัจจัยความเสี่ยงที่นักลงทุนติดตามมากที่สุด  นอกจากนี้ ประเด็นหลักที่ต้องพิจารณาคือ การพิจารณาลงนามข้อตกลง Brexit ร่วมกันของสหภาพยุโรป (EU) และอังกฤษ ซึ่งจะต้องเสร็จสิ้นก่อนที่อังกฤษจะต้องแยกตัวออกจาก EU อย่างเป็นทางการในวันที่ 29 มี.ค. 2562  การพิจารณาไม่รับร่างงบประมาณของอิตาลีในคณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) และส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยชัดเจนขึ้นของคณะกรรมการนโยบายทางการเงินของไทยแม้ว่าให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5%