“ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนอยู่ในโซนร้อนแรง

นักลงทุนคาดหวังการไหลเข้าของเงินทุน และการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ

ขณะที่นักลงทุนกังวลกับการท่องเที่ยว สถานการณ์ความขัดแย้งระห่วางประเทศ และการระบาดระลอกใหม่

—————————————————————————————————————————-

                                                                       FETCO Press Release: วันจันทร์ที่ 11 มกราคม 2564

 

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ผลสำรวจในเดือนธันวาคม 2563 พบว่า “ดัชนีฯ ในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 130.63 ปรับตัวลดลง 19.1%  จากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรงอย่างมาก” มาอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” ซึ่งยังสะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนเมื่อเทียบกับความเคลื่อนไหวของดัชนีตลอดทั้งปี  นักลงทุนคาดหวังการไหลเข้าของเงินทุนเป็นปัจจัยหนุนมากที่สุด รองลงมาคือการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ และผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน สำหรับปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ การท่องเที่ยว รองลงมาคือสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ และการถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงการระบาดของ Covid-19 ระลอกใหม่”

ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) สำรวจในเดือนธันวาคม 2563 ได้ผลสำรวจโดยสรุป ดังนี้

  • ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (มีนาคม 2564) อยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” (ช่วงค่าดัชนี 120 -159) ปรับตัวลดลง 19.1% จากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ระดับ 130.63
  • ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนทบุคคลและกลุ่มนักลงทุนสถาบันอยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” ในขณะที่กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์และกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง”
  • หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือหมวดธนาคาร (BANK)
  • หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือหมวดท่องเที่ยว (TOURISM)
  • ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ การไหลเข้าของเงินทุน
  • ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ การท่องเที่ยว

 

ผลสำรวจ ณ เดือนธันวาคม 2563 รายกลุ่มนักลงทุน พบว่า ความเชื่อมั่นนักลงทุนทุกกลุ่มปรับตัวลดลง โดยกลุ่มนักลงทุนบุคคลปรับตัวลดลง 21% อยู่ที่ระดับ 117.95 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับตัวลดลง 23% อยู่ที่ระดับ 128.57 กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับตัวลดลง 24% อยู่ที่ระดับ 119.05 และกลุ่มนักลงทุนต่างชาติปรับตัวลดลง 14% อยู่ที่ระดับ 150.00

ในช่วงครึ่งแรกของเดือนธันวาคม 2563 SET index ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า โดยเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 1,417—1,483 จากข่าวดีของการทยอยเริ่มใช้วัคซีนป้องกัน Covid-19 ในหลายประเทศ และมีเงินทุนไหลเข้ามายังกลุ่ม Emerging market โดยเฉพาะในตลาดทุนไทยซึ่งมีสัดส่วนหุ้นที่เคลื่อนไหวตามวัฏจักรเศรษฐกิจ  (Cyclical stock) สูง ส่งผลให้เงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติในตลาดทุนไทยเป็นบวกสุทธิอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ช่วงครึ่งเดือนหลังดัชนีผันผวนจากการระบาดของ Covid-19 ระลอกใหม่ในประเทศไทย  โดย ณ สิ้นเดือนธันวาคม SET Index ปิดที่ 1,449.35 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.9% จากเดือนก่อนหน้า

 

 

นักลงทุนคาดหวังการไหลเข้าของเงินทุนเป็นปัจจัยหนุนมากที่สุด รองลงมาคือการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ และผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน สำหรับปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ การท่องเที่ยว รองลงมาคือสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ และการถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงการระบาดของ Covid-19 ระลอกใหม่

 

นักลงทุนสนใจลงทุนในหมวดธนาคาร (BANK) มากที่สุด รองลงมาคือหมวดปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ (PETRO) และหมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) ขณะที่นักลงทุนเห็นว่าหมวดการท่องเที่ยวและสันทนาการ (TOURISM) ไม่น่าสนใจลงทุนมากที่สุด  รองลงมาคือหมวดแฟชั่น (FASHION) และหมวดสื่อสิ่งพิมพ์ (MEDIA)

 

ปัจจัยต่างประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่  การเลือกตั้งวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ ซึ่งจะมีผลต่อการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจให้สามารถผ่านสภาเป็นไปได้ง่าย มาตรการปิดเมืองในหลายพื้นที่ในยุโรปและเอเชีย ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงที่เศรษฐกิจอาจกลับเข้าสู่ภาวะถดถอยรุนแรงอีกครั้ง  ส่วนของปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตามได้แก่ ผลกระทบของการระบาดระลอกใหม่ของ Covid-19 ที่จะส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศโดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว