“ผลสำรวจดัชนีฯ ประจำเดือนกรกฎาคม 2563 อยู่ในโซนทรงตัว

นักลงทุนคาดหวังการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ และนโยบายภาครัฐ

ขณะที่นักลงทุนกังวลต่อผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน และการไหลเข้าออกของเงินทุน

—————————————————————————————————————————-

FETCO Press Release: วันอังคารที่ 7 กรกฎาคม 2563

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ประจำเดือนกรกฎาคม 2563 ว่า “ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าเพิ่มขึ้น 4% อยู่ในเกณฑ์ทรงตัวเหมือนเดือนก่อน นักลงทุนคาดหวังการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศเป็นปัจจัยหนุนมากที่สุด รองลงมาคือนโยบายภาครัฐ และการไหลเข้าออกของเงินทุน อย่างไรก็ตาม ความกังวลต่อผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาสสองเป็นปัจจัยฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด รองลงมาคือการไหลเข้าออกของเงินทุน และนโยบายทางการเงินจากธนาคารกลางสหรัฐฯ รวมถึงยังคงกังวลกับการระบาดรอบสองของ COVID-19”

ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) สำรวจในเดือนมิถุนายน 2563 ได้ผลสำรวจโดยสรุป ดังนี้

  • ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (กันยายน 2563) อยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” (ช่วงค่าดัชนี 80 – 119) โดยเพิ่มขึ้น 4% มาอยู่ที่ระดับ 19
  • นักลงทุนต่างชาติปรับขึ้นมาอยู่ในระดับ “ร้อนแรง” ที่ 125.00 ในขณะที่กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับขึ้นมาอยู่ในระดับ “ทรงตัว” ที่ 100.00 สถาบันในประเทศปรับลดลงเล็กน้อยแต่ยังอยู่ในระดับ “ทรงตัว” ที่ 100.00 กลุ่มนักลงทุนบุคคลปรับตัวลงอยู่ในระดับ “ซบเซา” ที่ 71.79
  • หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือหมวดอาหารและเครื่องดื่ม (FOOD)
  • หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือหมวดธนาคาร (BANK)
  • ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ การเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ
  • ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน

ผลสำรวจ ณ เดือนมิถุนายน 2563 รายกลุ่มนักลงทุน พบว่า ความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติปรับขึ้นมาอยู่ในระดับ “ร้อนแรง” ในขณะที่กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์และสถาบันในประเทศอยู่ในระดับ “ทรงตัว” ยกเว้นกลุ่มนักลงทุนบุคคลที่ปรับตัวลงอยู่ในระดับ “ซบเซา”

ในช่วงเดือนมิถุนายน 2563 SET Index ปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากเดือนพฤษภาคม โดยช่วงครึ่งเดือนแรกดัชนีเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1,341.99—1,438.66 จุด หลังจากได้รับแนวโน้มการผ่อนคลาย Lockdown ระยะที่สี่ รวมถึงครม. เห็นชอบมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว วงเงินรวม 22,400 ล้านบาท จากนั้นดัชนีปรับตัวลงเล็กน้อยหลังจากกธนาคารแห่งประเทศไทย ปรับลดการคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2563 ติดลบ 8.1% และประกาศให้ธนาคารพาณิชย์งดจ่ายดเงินปันผลระหว่างกาล อีกทั้งธนาคารกลางสหรัฐประกาศห้ามธนาคารจ่ายเงินปันผล โดย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2563 SET index ปิดที่ 1,339.03

นักลงทุนคาดหวังการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศเป็นปัจจัยหนุนมากที่สุด รองลงมาคือนโยบายภาครัฐ และการไหลเข้าออกของเงินทุน อย่างไรก็ตาม ความกังวลต่อผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาสสองเป็นปัจจัยฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด รองลงมาคือการไหลเข้าออกของเงินทุน และนโยบายทางการเงินจากธนาคารกลางสหรัฐฯ รวมถึงยังคงกังวลกับการระบาดรอบสองของ COVID-19

สำหรับปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากความขัดแย้งระหว่างประเทศต่าง ๆ อาทิ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ความขัดแย้งบริเวณชายแดนจีน—อินเดีย การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ในส่วนของปัจจัยในประเทศที่น่าติดตามได้แก่ ผลกระทบของโควิดต่อเศรษฐกิจ การผ่อนคลายการลอคดาวน์ และมาตรการสนับสนุนต่าง ๆ  ทั้งมาตรการด้านการคลัง มาตรการด้านสินเชื่อ และมาตรการด้านการเงิน