“ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนอยู่ในโซนร้อนแรงต่อเนื่อง

นักลงทุนคาดหวังแผนการกระจายวัคซีนเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ Covid-19 และผลประกอบการบจ.

ขณะที่กังวลกับการระบาด Covid-19 ระลอกใหม่และการถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ”

—————————————————————————————————————————-

                                                                       FETCO Press Release: วันพุธที่ 5 พฤษภาคม 2564

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ผลสำรวจในเดือนเมษายน 2564 พบว่า “ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน ในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 124.37 ปรับตัวลดลง 14.6% จากเดือนก่อน ยังคงอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” อย่างต่อเนื่อง นักลงทุนคาดหวังแผนการกระจายวัคซีนเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ Covid-19 เป็นปัจจัยหนุนมากที่สุด  รองลงมาคือผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน และสถานการณ์เศรษฐกิจจีน สำหรับปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ สถานการณ์ระบาดของ Covid-19 ระลอกใหม่ในไทย รองลงมาคือการถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ และสัดส่วนหนี้ภาคครัวเรือน

ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) สำรวจในเดือนเมษายน 2564 ได้ผลสำรวจโดยสรุป ดังนี้

  • ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (กรกฎาคม 2564) อยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” (ช่วงค่าดัชนี 120 -159) ปรับตัวลดลง 14.6% จากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ระดับ 37
  • ความเชื่อมั่นนักลงทุนเกือบทุกกลุ่มอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” ยกเว้นความเชื่อมั่นนักลงทุนสถาบันในประเทศอยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว”
  • หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด หมวดปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ (PETRO)
  • หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดแฟชั่น (FASHION)
  • ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ แผนการกระจายวัคซีนเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ Covid-19
  • ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ สถานการณ์ระบาดของ Covid-19 ระลอกใหม่

“ผลสำรวจ ณ เดือนเมษายน 2564 รายกลุ่มนักลงทุน พบว่า ความเชื่อมั่นนักลงทุนทุกกลุ่มปรับตัวลดลง โดยความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนบุคคลปรับตัวลดลง 7% อยู่ที่ระดับ 129.27 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับตัวลดลง 11% อยู่ที่ระดับ 137.50 กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับตัวลดลง 37% อยู่ที่ระดับ 94.44 และกลุ่มนักลงทุนต่างชาติปรับตัวลดลง 20% อยู่ที่ระดับ 120.00

ในช่วงเดือนเมษายน 2564 SET Index ผันผวนอยู่ระหว่าง 1,541.12  –1,596.27 โดยได้รับแรงกดดันจากการระบาดรอบใหม่ของ Covid-19 จากกลุ่มสถานที่ท่องเที่ยวกลางคืนในกรุงเทพ และแพร่กระจายไปยังหลายจังหวัดทั่วประเทศในช่วงวันหยุดยาวสงกรานต์ที่ประชาชนกลับต่างจังหวัด ซึ่งส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อ Covid-19 รายใหม่ที่เพิ่มสูงเกินกว่า 1,000 รายต่อวัน อีกทั้งได้รับผลกระทบจากตลาดหุ้นอเมริกาที่ปรับลงอย่างหนัก จากการประกาศข้อเสนอเก็บภาษีกำไรจากการลงทุน (Capital Gains Tax) เพิ่มเกือบเท่าตัว อย่างไรก็ตาม ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกหลังจากรัฐบาลไทยประกาศแผนการจัดหาวัคซีนทางเลือกเพิ่มขึ้น และ ธนาคารแห่งประเทศไทยออกมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 วงเงิน 3.5 แสนล้านบาท รวมถึงมูลค่าการส่งออกของไทยเดือนมีนาคม 2564 ขยายตัวถึง 8.5% YOY โดย ณ สิ้นเดือนเมษายน SET index ปิดที่ 1,583.13 ปรับตัวลงลง 0.26% จากเดือนก่อนหน้า

ปัจจัยต่างประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ ความชัดเจนของแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาและแผนการจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้นจากการปรับขึ้นภาษีนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนหลังจาก GDP จีนช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2021 ขยายตัวมากถึง 18.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว การระบาดระลอกใหม่ที่มีการกลายพันธุ์ของไวรัส Covid-19 ในอินเดีย และการประกาศ lockdown อีกครั้งในหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น เยอรมัน ซี่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจโลก ในส่วนของปัจจัยในประเทศ ได้แก่ การแพร่ระบาดของ Covid-19 ระลอกใหม่ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงหลักต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ แผนจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมและเร่งฉีดวัคซีนเพื่อให้เกิดการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐเพื่มเติมเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ถูกสั่งปิดในพื้นที่ควบคุม รวมถึงผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 1 ปี 2564”