ดัชนีคาดการณ์อัตราดอกเบี้ย (Interest Rate Expectation Index) เดือนมิถุนายน 2564

ดัชนีคาดการณ์อัตราดอกเบี้ย (Interest Rate Expectation Index) เดือนมิถุนายน 2564

 

ผลจากดัชนีสะท้อนการคาดการณ์ของตลาดที่คงมุมมองเช่นเดียวกับครั้งที่แล้ว ว่า กนง. จะรักษาอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.5% ในการประชุมเดือนมิถุนายนนี้ ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี และอายุ 10 ปี คาดการณ์ว่า ณ สิ้นไตรมาส 2 มีแนวโน้มไม่เปลี่ยนแปลงนักจากวันที่ทำการสำรวจ (21 พ.ค. 64) โดยมีผู้ตอบแบบสอบถามจำนวนมากขึ้นที่คาดการณ์ว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี และ 10 ปีอาจไม่เปลี่ยนแปลงถึงแม้ว่าจะมีความกังวลเรื่องอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐที่อาจทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น และการออก พรก. กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยงจากการระบาดของ COVID-19 และความไม่แน่นอนของการฉีดวัคซีนที่อาจส่งผลให้อัตราผลตอบแทนปรับตัวลงได้เช่นกัน

 

นางสาวอริยา ติรณะประกิจ รองกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย เปิดเผยดัชนีคาดการณ์อัตราดอกเบี้ย (Interest Rate Expectation Index) เดือนมิถุนายน 2564 โดยมีรายละเอียด ดังนี้

  • ดัชนีคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม กนง. รอบเดือนกุมภาพันธ์นี้อยู่ที่ระดับ 47 ไม่เปลี่ยนแปลงจากครั้งที่แล้วและยังอยู่ในเกณฑ์ “ไม่เปลี่ยนแปลง (Unchanged)” สะท้อนมุมมองของตลาดที่คาดว่าการประชุม กนง. ในเดือนมิถุนายนนี้ กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 0.5 เนื่องจาก เศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวช้าลงจากการระบาดของ COVID-19 ระลอก 3 และ ธปท. ได้ทำการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ธุรกิจและ SME ต่างๆ ความจำเป็นในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจึงลดลง

 

  • ดัชนีคาดการณ์อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 5 ปีและ 10 ปี ณ สิ้นไตรมาส 2 ปรับตัวลดลงมาอยู่ในเกณฑ์ “ไม่เปลี่ยนแปลง (Unchanged)” โดยดัชนีปรับตัวลดลงจากครั้งก่อนจากการมีผู้ตอบแบบสอบถามจำนวนมากขึ้นคาดการณ์ว่าอัตราผลตอบแทนจะไม่เปลี่ยนแปลง สะท้อนมุมมองของตลาดที่ว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตร 5 ปี และ 10 ปี ณ สิ้นไตรมาส 2 น่าจะไม่แตกต่างไปจากวันที่ทำการสำรวจ (21 พ.ค. 64) ที่ระดับ 1.06% และ 1.86% ตามลำดับ  โดยปัจจัยที่มีผลต่อการคาดการณ์ ได้แก่ อุปสงค์และอุปทานในตลาดตราสารหนี้ ทิศทางอัตราดอกเบี้ยโลก รวมถึง เศรษฐกิจในประเทศเป็นหลัก